ในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของพวกเรามากขึ้น หลายองค์กรจึงเริ่มมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการต่าง ๆ ให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น ธุรกิจของเอสซีจีก็กำลังเตรียมตัวก้าวสู่บทใหม่เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่ง WEDO หน่วยงานเบื้องหลังที่ช่วยผลักดัน digital transformation ให้กับเอสซีจีจึงมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อก้าวไปสู่อนาคตเช่นกัน แต่มีนวัตกรรมอะไรบ้างที่ WEDO สร้างสรรค์สำหรับอนาคต มาร่วมฟังคำตอบจาก พี่ตั้ม ธนุส ผะอบแสง Head of Digital Business Development แห่ง WEDO บนเวทีเสวนา Ready for Our Next Chapter: เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับธุรกิจในอนาคต ภายในงาน SCG: The Next Chapter Exposition กันเลย
WEDO Purposeful Innovation เข้าถึงได้เพียงใช้ “ปลายนิ้ว”
เพราะการแพร่กระจายของโควิด-19 ทำให้เห็นได้ชัดว่าพฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป การที่ผู้คนเริ่มอยู่บ้านบ่อยขึ้นทำให้หลายคนหันมาให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัย การใช้ชีวิตประจำวันภายในบ้าน และคุณภาพของอากาศในบ้านมากยิ่งขึ้นซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับที่ WEDO ให้ความสำคัญ
เมื่อโลกเปลี่ยนไป ธุรกิจก็ต้องเปลี่ยนตาม..เพราะฉะนั้นบทใหม่ของเอสซีจีและ WEDO จึงมีเป้าหมายหลักคือต้องการให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเรียบง่าย และสะดวกสบายยิ่งขึ้นโดยที่สามารถควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ง่ายที่สุดเพียงใช้ปลายนิ้ว WEDO จึงได้สร้างสรรค์นวัตกรรมโดยมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการพัฒนาทั้งสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น
โดยพี่ตั้มกล่าวว่า “หากเลือกได้เพียง 1 อย่างที่จะพกไปในอนาคต ขอเลือกนิ้วเพราะในอนาคตทุกอย่างต้องสามารถควบคุมได้ด้วยปลายนิ้ว”
Born in Thailand เปลี่ยนประเทศไทยจากผู้ใช้เป็นผู้สร้างนวัตกรรม
ด้วยความเชื่อว่า นวัตกรไทยมีศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรมเหล่านี้ได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ WEDO จึงตั้งใจเปลี่ยนประเทศไทยจาก User หรือผู้ใช้นวัตกรรมให้กลายเป็น Maker หรือผู้สร้างนวัตกรรม ทำให้ WEDOได้พัฒนานวัตกรรมที่ทันสมัยและตอบโจทย์ผู้ใช้งานยุคใหม่อย่างต่อเนื่องถึง 3 ปี และในปัจจุบันก็ยังมุ่งหน้าพัฒนานวัตกรรมที่มีความ inclusive มากขึ้นโดยที่ผู้ใช้งานทุกคนไม่ว่าจะเป็น ผู้พิการทางสายตา หรือผู้ป่วยอัมพาต ให้สามารถใช้งานได้สะดวกสบายด้วยตนเอง ได้แก่
SCG Active Air Quality (AAQ)
ปัจจุบันที่อากาศเต็มไปด้วยมลภาวะ PM 2.5 และการแพร่ระบาดของโควิด-19 แทบทุกคนจึงให้ความสำคัญกับสภาพอากาศในบ้านมากขึ้น Active Air Quality (AAQ) จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจัดการคุณภาพอากาศที่ช่วยระบายอากาศด้วยการทําให้อากาศสะอาดสดชื่น โดยคุณสมบัติของ Supply Air Ventilator จะช่วยกรองอากาศจากภายนอกเพื่อให้อากาศสดชื่นและสะอาดก่อนเข้ามาในบ้าน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างแรงดันบวกเพื่อให้อากาศเสียถูกกรองออกผ่านช่องว่างต่าง ๆ ของบ้าน ระบบนี้ทําให้มลพิษจากภายนอกไม่สามารถผ่านเข้าไปในบ้านได้ซึ่งตอบโจทย์สภาพอากาศในปัจจุบัน
SCG Active Airflow (AAF)
นวัตกรรมที่ช่วยระบายความร้อนภายในตัวบ้านและห้องโถงใหญ่ ๆ ได้อย่างรวดเร็วช่วยให้รู้สึกปลอดโปร่งในขณะที่อยู่ในบ้าน โดยการลดการสะสมของเชื้อโรค และความชื้น รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภูมิแพ้ได้ด้วยการทำงานของระบบ AAF/AAQ ที่ทํางานควบคู่ไปกับระบบ Trinity IoT ecosystem เพื่อช่วยทำให้อุปกรณ์ทํางานโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ เจ้าของบ้านยังสามารถใช้แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือที่เรียกว่า “SCG Smart Living” ในการตรวจสอบข้อมูลเซ็นเซอร์ต่างๆ และควบคุมการทํางานของระบบได้แบบเรียลไทม์
Trinity Smart Living Platform
ระบบของ Internet of Things (IoT) ecosystem ที่สร้างความปลอดภัยและความสะดวกสบายสําหรับผู้ใช้ทุกคน ด้วยโซลูชัน เช่น smart living, smart mobility, smart health & wellness, และ smart industry โดยประกอบด้วยเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมรูปแบบใหม่ 3 อย่าง ได้แก่ IoT Devices เช่น sensors, actuators และ EDGE computers Network connectivity การเชื่อมต่อเครือข่ายกับการเชื่อมต่อในประเทศและทั่วโลก Big Data และ AI analysis ที่มีการประมวลผลแบบ cloud computing และการวิเคราะห์ข้อมูล การแปลงข้อมูลออกมาเล่าเป็นภาพ
ONE (Offline NLP Enablement)
ระบบ offline NLP บนอุปกรณ์ที่แยกเครือข่ายส่วนตัวออกจากอินเทอร์เน็ตราคาประหยัดที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ จากทุก ๆ ที่แบบเรียลไทม์ ประกอบด้วยเทคโนโลยีหลัก 3 อย่าง ได้แก่ การแปลงเสียงเป็นข้อความ (Speech to Text — STT), การแปลงข้อความเป็นเสียง (Text to Speech — TTS) และการเข้าใจภาษาธรรมชาติ (Natural Language Understanding — NLU) ซึ่งปัจจุบันมีการนำไปติดตั้งบนก็อกน้ำ ซึ่งสามารถปิดน้ำ เปิดน้ำเบา แรง ตามระยะเวลาที่กำหนด และตวงน้ำตามปริมาตรที่ต้องการ รวมไปถึงเครื่องคิดเลขที่สามารถแก้โจทย์จากง่ายไปถึงสมการที่ซับซ้อนโดยใช้คำสั่งด้วยเสียงเพื่อให้กลุ่มผู้พิการทางสายตาหรือผู้ป่วยติดเตียงสามารถใช้งานได้สะดวกและง่าย
BCI (Brain Computer Interface)
เทคโนโลยีที่แปลงคลื่นสมองออกมาเป็นเสียงเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยติดเตียงสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ ด้วยแนวคิดนี้ อัลกอริทึมของคอมพิวเตอร์สามารถกําหนดสิ่งที่ผู้ป่วยกําลังมองและสิ่งที่พวกเขาต้องการทําได้ เช่น รู้สึกกระหายน้ำ การพยายามปิดไฟ และการสื่อสารกับผู้ดูแล นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้เทคโนโลยีเชิงลึกในโลกแห่งความเป็นจริง ที่สําคัญคือแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีสามารถช่วยให้ผู้ป่วยเอาชนะข้อจํากัดทางกายภาพของพวกเขา และช่วยสร้างชีวิตที่ดีขึ้นได้
Wearable Device
อุปกรณ์เก็บรวบรวมข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ใช้และใช้บันทึกกิจกรรมประจําวัน เช่น การวิ่ง การนั่ง และการนอนของผู้สวมใส่เพื่อนำไปวิเคราะห์ ให้คําแนะนําแก่ผู้ใช้งาน และใช้ในการวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพที่หลากหลายมากขึ้น โดยออกแบบมาใช้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น นาฬิกาอัจฉริยะ สายรัดข้อมืออัจฉริยะ อุปกรณ์ติดตามตัวอัจฉริยะ และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นอุปกรณ์สวมใส่ที่ทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทุกประเภทจึงมีองค์ประกอบสําคัญ 3 อย่างคือ Optical Sensor หรือเซ็นเซอร์ตรวจจับสัญญาณต่าง ๆ ของร่างกาย Connectivity การเชื่อมต่อเพื่อการประมวลผลสามารถดําเนินการได้อย่างเป็นอิสระและครอบคลุมทุก ๆ ด้าน และ Data Analysis หรือการวิเคราะห์ข้อมูล หมายถึงคลังเก็บข้อมูลที่จัดเก็บข้อมูลดิบ
To get there, Together
ในบทใหม่ของ WEDO ยังมีอีกหลากหลายนวัตกรรมที่ทีมกำลังมุ่งหน้าสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนประเทศไทยจากผู้ใช้นวัตกรรมมาเป็นผู้สร้างนวัตกรรม ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้เพียงคนเดียวแต่ยังต้องการทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชน และภาคการศึกษามาร่วมผลักดันเพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงและก้าวสู่อนาคตร่วมกันไปพร้อมกับ WEDO ในอนาคต WEDO จะสร้างสรรค์นวัตกรรมอะไรอีกบ้าง สามารถติดตามได้ที่ Facebook: WEDO
เขียนโดย พิสินี ตันตราชีวธร YTPGen1, WEDO
