ถอดรหัส Hell Day 2023 ‘Everest Neverest’ ผ่าน 3 มุมมองของเหล่าผู้กล้า

WEDO
3 min readJun 13, 2023

--

เชื่อว่าหลายคนคงมี ‘ความฝัน’ ในวัยเด็กที่อยากจะทำให้กลายเป็นจริง ถ้าย้อนกลับไปในยุคที่นวัตกรรมและเทคโนโลยียังไม่พัฒนามากนัก การที่เด็กอายุ 16–23ปี จะสร้างนวัตกรรมเพื่อทำตามความฝันที่จะเปลี่ยนให้สังคมดีขึ้นอาจเป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม ต่างจากยุคนี้ที่เด็กรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ทำให้หลายคนมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมมากขึ้น โดยเมื่อวันที่ 29–30 พฤษภาคมที่ผ่านมา เหล่าผู้กล้าระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และมหาวิทยาลัยที่มี passion ด้านนวัตกรรม กว่า 100 คนเลือกที่จะใช้เวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์ไปกับการเข้าร่วมกิจกรรม Hell Day 2023 ‘Everest Neverest’ แบบ non-stop 24 ชั่วโมง ที่จัดขึ้นที่ SCG บางซื่อ โดยหลังจากผ่านด่านนี้ไปจะมีเพียง ‘คนที่ใช่’ เท่านั้นที่จะได้เข้ามาทำงานจริงในโครงการ WEDO Young Talent Program 2023 ร่วมกับพี่ ๆ ทีมงานในรูปแบบ Micro Enterprise เป็นเวลา 13 สัปดาห์ บทความนี้จะพามาทำความรู้จักตัวแทนเหล่าผู้กล้าทั้ง 3 คนและเผยมุมมองจากการเข้าร่วมกิจกรรมผ่านบทสัมภาษณ์สุด exclusive พร้อมแล้ว ตามมาอ่านกันเลย!

เด็กม.6 กับ passion ในการสร้างนวัตกรรมเพื่อโลกและคนรุ่นหลัง

เราเกิดมาทำไม? คงเป็นคำถามที่เราต่างก็สงสัยและเฝ้าถามตัวเองอยู่บ่อย ๆ เช่นเดียวกันกับ น้องตัง ธิษณาพัชญ์ อุมา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนชลกันยานุกูล ที่กำลังจะขึ้นปี 1 คณะวิศวะโทรคมนาคมและโครงข่าย ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยน้องตังเล่าว่า “จุดเริ่มต้นของ passion มาจากการที่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘เราเกิดมาทำไม’ แล้วได้คำตอบว่า เกิดมาทั้งทีอยากจะสร้างนวัตกรรมที่มีประโยชน์ให้กับโลกใบนี้ เพื่อทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้จดจำและใช้งาน”

จาก passion ดังกล่าว และความถนัดในด้านเทคโนโลยีจากการเรียนสายวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ (คอมพิวเตอร์) และทางธุรกิจจากการแข่งขันต่าง ๆ น้องตังจึงตัดสินใจเข้าร่วม Hell Day 2023 เพื่อพัฒนาศักยภาพ และสร้าง connection กับเพื่อน ๆ ที่สนใจในด้านเดียวกันเผื่อได้ร่วมงานกันในอนาคต และมีเป้าหมายในการเข้ารอบไปถึง Hell Week น้องตังยังเล่าว่าชอบกิจกรรมโยนลูกเต๋ามากที่สุด เพราะได้ใช้ทักษะในการคิดวิเคราะห์และด้านจิตวิทยาเยอะดี และประทับใจที่พี่ ๆ คอยเดินมาให้คำปรึกษาและให้กำลังใจตลอดทั้งกิจกรรม

โดยหลังจากเข้าร่วมกิจกรรม ตนเองมีความเปิดกว้างมากยิ่งขึ้นจากการเรียนรู้ว่าโลกนี้มีคนอยู่หลายแบบที่มีแนวคิดต่างจากเรา อีกทั้งกิจกรรมนี้ตอกย้ำว่า passion ยังคงเต็มร้อยอยู่ “passion ของหนูคือการสร้างสิ่งต่าง ๆ ทิ้งไว้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้คนในอนาคตค่ะ passion จะไม่มีวันลด ถ้าหนูยังมีแรงสร้างมันอยู่” น้องตังกล่าว

ก้าวข้ามขีดจำกัดของการสร้างนวัตกรรมด้วยคำว่า ‘เป็นไปได้’

ในการสร้างนวัตกรรมที่ดีขึ้นมา แน่นอนว่าต้องคำนึงถึง Feasiibility โดยหลายคนมองว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างนวัตกรรม จนลืมไปว่า Desirability และ Practicality ก็สำคัญ เช่นเดียวกันกับน้องลูกแพร์ จิรภัทร พันธุ์ธีรานุรักษ์ ชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม เอกคอมพิวเตอร์เพื่อการสื่อสาร จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ด้วยความที่ถนัดด้านเทคโนโลยี ประกอบกับความสนใจด้าน business และความอยากลองสร้างนวัตกรรมจึงตัดสินใจมาเข้าร่วมกิจกรรมนี้

ก่อนที่จะมา Hell Day 2023 น้องแพร์มองว่าตัวเองเป็นคน adaptive และ flexible มาก ๆ แต่พอเข้าร่วมกิจกรรมแล้วต้องเผชิญกับ ความง่วง ความล้า และสถานการณ์ต่าง ๆ ทำให้ทักษะนี้ลดลงมาก และยังเผยว่า “ในการทำนวัตกรรม ส่วนตัวเป็นคนที่กังวลกับความ realistic มาก ๆ และอยากทำให้ทุกอย่างที่ออกมามัน feasible ที่สุด จนหลาย ๆ ครั้งเราก็ปัดตกไอเดียที่น่าสนใจเพราะ bias ในความคิดตัวเองว่าสิ่งนี้มันทำไม่ได้หรอก” ซึ่งได้เรียนรู้จากกิจกรรมว่า “สิ่งที่ดูเป็นไปไม่ได้ที่สุด วันหนึ่งมันอาจจะเปลี่ยนชีวิตเราไปเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งอคติกับมันแค่เพราะว่าสิ่งนั้นดูจับต้องไม่ได้”

น้องแพร์ยังเล่าว่าชอบกิจกรรม Sleeping Beauty ที่สุดเพราะถึงแม้จะง่วงแต่ก็ต้องฝืนนั่งสมาธิแล้วถือปิงปองไว้ในมือห้ามวาง ต้องสู้กับตัวเองสุด ๆ และมองว่า “Hell Day เป็น Hell ในแง่ของจิตใจมากกว่าเพราะต้องถามตัวเองตลอดเวลาว่า กำลังทำอะไรอยู่ ทำไปเพื่ออะไร และอยากได้อะไรจากสิ่งที่ทำ เพื่อเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกตัวเอง และดึงกลับมาอยู่ในจุดที่พร้อมที่จะไปต่อไม่ว่าจะต้องทำอะไรก็ตาม ทำให้ได้สำรวจความคิดและรู้จักตัวเองในมุมที่หลาย ๆ ครั้งก็มองข้ามไป”

“ Hell Day 2023 ทำให้มีไฟในการทำงานและอยากพัฒนาตัวเองมากขึ้น อยากเป็นคนที่มีความพร้อมทั้งด้านร่างกาย ความรู้รอบตัว และจิตใจมากกว่านี้ เพื่อที่โอกาสหน้า ๆ จะได้ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ได้ถ้ามีงานแบบนี้อีกในอนาคต” น้องแพร์กล่าว

จากความชอบด้านการสร้างสรรค์ สู่ความฝันด้านนวัตกรรม

ถ้าพูดถึงวัยเด็ก ‘การดูการ์ตูน’ นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตที่สร้างแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่าง ๆ ในวัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว และการทานอาหารตามตัวละคร แต่สำหรับ น้องฮอร์ส จิรายุ สุชาติสุนทร ชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหกรรม จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เล่าว่าการดูการ์ตูนเเนวประดิษฐ์สร้างสรรค์ และแนวเทคโนโลยีทำให้เกิดแรงบันดาลใจ และรู้สึกว่า ‘อยากสร้างสรรค์บางสิ่ง’ จึงสนใจกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิด และการสร้างสรรค์มาตลอด จนกระทั่งได้รู้จักกับคำว่า startup ซึ่งเป็น path ที่น่าจะตอบโจทย์ที่สุดในด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ประกอบกับความถนัดทางด้าน business จึงตัดสินใจเข้าร่วม Hell Day 2023 เพื่อพัฒนาทักษะด้านการทำ startup และนวัตกรรมด้านอื่น ๆ เพิ่ม

“ก่อนมา Hell Day อยากรู้เเละสัมผัสความอึดถึกของการทำงานด้านนี้มาก ๆ พอได้ลองเข้าร่วมกิจกรรมก็ทำให้ได้ทบทวนตัวเอง ช่วยให้เห็นตัวเองได้ชัดขึ้นว่าถ้าเราจะทำสิ่งนี้ต่อ ต้องพัฒนาจิตใจ และพยายามหาวิธีที่ใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้” น้องฮอร์สกล่าว โดยการร่วมกิจกรรมตลอด 24 ชั่วโมง น้องฮอร์สประทับใจกิจกรรมที่ให้ reflect ตัวเองผ่านชุดคำถามมากที่สุดและเผยว่า “รู้สึกได้ว่าพี่ ๆ ใส่ value ในเรื่องของจิตใจที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนไปทุกกิจกรรมทำให้หลายกิจกรรมมีเสนห์ เช่น กิจกรรมที่ถามว่า อยากเปลี่ยนทีมตอนนี้ไหม เพื่อน ๆ ที่ทำงานอยู่ contribute อย่างไรบ้าง ทั้งหมดนี้ทำให้เราทบทวนตัวเองครั้งใหญ่ว่าเรารู้สึกอะไรกับตัวเองในตอนนั้นซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ทำให้เห็นตัวเองในมุมใหม่”

น้องฮอร์สยังพูดถึงการทำโจทย์ร่วมกับเพื่อน ๆ ในทีมที่ทำให้ได้รางวัลที่ 2 THE NOBLE BLUE PINE ในการ pitching ว่าได้แรงบันดาลใจในการคิดโจทย์มาจากการมองหาข้อดีของทุกไอเดียแล้วมาผนวกรวมกันโดยพยายามหากาวเชื่อมส่วนที่เป็นข้อดี ซึ่งในทีมมีการทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีเนื่องจากแต่ละคนมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันทำให้สามารถแบ่งงานกันได้อย่างลงตัวและทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยช่วยแบ่งเบาภาระงานของกันและกัน นอกจากนี้ยังเล่าถึงเหตุการณ์ที่ประทับใจที่สุดซึ่งเป็นช่วงเวลากลางดึกที่เพื่อนในทีมกำลังตั้งใจทำงานกันมาก ๆ แต่ตนเองรู้สึกไม่ไหว เพื่อน ๆ จึงแนะนำให้พักผ่อนด้วยความเป็นห่วง ซึ่งหลังจากจบกิจกรรมน้องฮอร์สยังได้มิตรภาพดี ๆ กลับไปอีกด้วย “Hell Day เกินคาดในหลาย ๆ มุมครับ ทั้งตัวกิจกรรม การให้คุณค่าเดี่ยวกับการรู่จักตัวเอง เเละสำรวจตัวเองมากกว่าที่คิด” น้องฮอร์สกล่าว

ส่วนเป้าหมายในการสร้างสรรค์นวัตกรรม น้องฮอร์สมองว่า “สุดท้าย passion ในตัวเราเรานั้นเปลี่ยนเเปลงตลอด เราจะเจอความหมายของ passion ที่เป็นตัวเรามากขึ้นในทุก ๆ วัน ถ้าบางวันเรายังไม่รู้ก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญในชีวิตผมน่าจะเป็นการทำอย่างไรให้เราใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์คนนึงได้ ได้ยิ้ม มีความสุข เเละได้สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ต่อไปโดยไม่จำกัดความเป็นไปได้ที่จะเกิดจากทั้งภายในตัวผม เเละสิ่งที่ผมจะทำ”

นี่คือบทสัมภาษณ์สุด exclusive จากตัวแทน Talent ยุคใหม่ทั้ง 3 คนที่ได้ผ่านการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 50 คนสุดท้ายที่ได้เข้าร่วมโครงการ WEDO Young Talent Program 2023 และได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ‘ยอดเขาไม่ได้อยู่ที่เขา แต่อยู่ที่เรา’ และ ‘อายุ’ ไม่มีผลต่อการเดินตามความฝันด้านนวัตกรรม แต่ ‘ความพยายาม’ และ ‘ความกล้าที่จะสละอะไรบางอย่าง’ ต่างหากที่เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ Talent รุ่นใหม่สามารถทำตามความฝันได้สำเร็จ หากคุณอยากรู้ว่า Talent ยุคใหม่มีศักยภาพอย่างไร สามารถร่วมติดตามการเดินทางตลอดระยะเวลา 13 สัปดาห์ของ YTP2023 ทั้ง 50 คนจากโครงการ WEDO Young Talent Program 2023 ได้ที่ FB Page: WEDO

--

--