เปิดมุมมอง Hell Day 2023 กับสุดยอดทีมเบื้องหลังยอดเขาที่ยิ่งสูง ยิ่งหนาว

WEDO
2 min readJun 13, 2023

--

เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ Hell Day ในโครงการ WEDO Young Talent Program 2023 วันนรกสุดเดือดของน้องนักเรียน นักศึกษากับการฝ่าด่านท้าทายตลอด 24 ชั่วโมงที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29–30 เมษายนที่ผ่านมา ในครั้งนี้มาพร้อมกับคอนเซปต์ “Everest (N) everestยอดเขาไม่ได้อยู่ที่เขา แต่อยู่ที่เรา” พาน้องๆ ไปปีนเขาที่สูงที่สุดในโลก ท้าทายความสามารถและพิสูจน์หัวใจตัวเอง และล่าสุดจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่าร้อยคน เราก็ได้ผู้ผ่านการคัดเลือก 50 คนที่จะได้มาร่วมภารกิจ Hell Weeks ทำงานจริง เจ็บจริงตลอดทั้ง 13 สัปดาห์ซึ่งจะเป็นภารกิจที่โหดหินยิ่งกว่าวันนรกที่น้องๆ เคยได้เจอ

ก่อนที่จะเริ่มต้นภารกิจ Hell Weeks เรามาพูดคุยกับทีมงานเบื้องหลังของ Hell Day กันถึงไอเดียการคิดคอนเซปต์ การจัดการกับรายละเอียดยิบย่อย และความท้าทายของการจัดกิจกรรม 24 ชั่วโมงแบบ Non-Stop ซึ่งในครั้งนี้เราได้มาคุยกับพี่อาร์ทและพี่ๆ ทีมงานผู้เป็นเบื้องหลังสำคัญ­ของงานในครั้งนี้ถึงสตอรี่เบื้องหลัง กว่าจะมาเป็น Hell Day 2023 ในครั้งนี้!

จุดเริ่มต้น Everest (N) everest

กว่าจะได้มาซึ่งธีมสำคัญของ Hell Day ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่สามนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากคอนเซปต์ที่คิดขึ้นจากพี่ฟินและพี่มะปรางสองสาวที่ต้องการให้น้องๆ เข้ามาตามหาตัวเอง ด้วยคอนเซปต์ใหญ่ๆ Finding your own Everest ยอดเขาไม่ได้อยู่ที่เขา แต่อยู่ที่เรา ซึ่งมาพร้อมกับคำจำกัดความสั้นๆ ของกิจกรรมนี้ที่น้องๆ ต้อง ‘ห้ามพัก ห้ามพอ ห้ามท้อ ห้ามถอย’

พี่ฟิน : ปกติจะมีพี่ๆ คอยดูแลโปรเจคส์อยู่แต่ในปีนี้เป็นฟินกับมะปรางที่ดูแลงานในส่วนนี้ ด้วยความเป็นโครงการที่เราอยากจะให้น้องๆ ได้ค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเองหรือได้เจอจุดที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมี เราเลยดึงเอาเอเวอเรสต์ ยอดเขาที่หลายๆ คนรู้จักมาเป็นเหมือนเป็นธงของการพิชิตเป้าหมายในใจของตัวเอง

ซึ่ง Hell Day ที่เพิ่งจบไปครั้งนี้เป็นครั้งแรกของโครงการ WEDO Young Talent Program 2023 ที่เปิดโอกาสให้ทั้งนักเรียน นักศึกษาสมัครเข้ามาร่วมกิจกรรม มีตั้งแต่น้องจากทุกมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปี 1 ถึงปี 4 และน้องมัธยมปลายตั้งแต่ชั้นม.4–6 กว่าสิบคนเข้ามาร่วมโครงการด้วย “พอจำนวนคนและอายุมันกว้างขนาดนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนเราจะมีเป้าหมายเดียวกัน เราเลยยึดให้เขาเอาเป้าหมายของตัวเองเป็นสำคัญ” พี่ฟินพูดทิ้งท้าย

สิ่งสำคัญมากไปกว่าการให้น้องผู้เข้าร่วมภารกิจ Hell Day ได้พิชิตเป้าหมายของตัวเองก็คือการให้พวกเขาได้รู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้น เมื่อข้ามผ่านชั่วโมงที่ 24 ไป น้องๆ จะไม่ใช่คนเดิมกับคนที่เดินเข้ามา

พี่อาร์ท : Hell Day ทำมาให้น้องๆ ได้รู้ตัวว่าเราชอบงานนวัตกรรมไหม เราเลยสร้างออดิชั่นเดย์ขึ้นมา จำลองสิ่งที่เขาต้องเจอในการทำนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นความสับสน ความกดดัน ให้เขาได้เห็นศักยภาพที่ตัวเองไม่เคยมีมาก่อน ได้เห็นอารมณ์ เห็นมุมที่ตัวเองไม่รู้ว่าตัวเองมี หลายๆ คนบอกว่าไม่เคยรู้ว่าตัวเองสามารถเอาชนะความไม่แน่ใจของตัวเองได้ เขารู้สึกว่าเขาเชื่อในตัวเองมากขึ้น และต่อให้น้องไม่ได้ผ่านเข้ามาใน Hell Weeks ถ้าน้องได้ตรงนี้กลับไปผมเชื่อว่ามันอาจจะเป็นประสบการณ์ชีวิตที่สามารถเปลี่ยนชีวิตที่เหลือของเขาได้เลย

เบื้องหลังด่านสุดโหดคือบททดสอบ ‘คนที่ใช่’

จากคอนเซปต์นำมาสู่การวางแผนกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง แต่ละกิจกรรมที่น้องๆ ได้ทำนี้แฝงไว้ด้วยการทดสอบน้องๆ สอดคล้องกับแนวคิดของ WEDO เพื่อให้ได้น้องๆ ที่มีมายเซ็ตที่ใช่เข้ารอบมาร่วมภารกิจ Hell Weeks ต่อไป เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ในรูปแบบ Micro Enterpise ที่จะอิมแพคกับโลกในอนาคต

พี่อาร์ท : เราออกแบบกิจกรรมเป็น 3 Track ส่วนแรกคืองานกลุ่ม เราอยากจะเห็นความสามารถในการทำงานร่วมกัน ส่วนที่สองคือการทดสอบเชิงเดี่ยว เป็นการทดสอบมายเซ็ต คุณสมบัติที่เราคิดว่าคนที่จะเป็นนวัตกรควรมี อย่าง Inclusive หรือ Optimist และสุดท้ายคือการทำให้สองอย่างแรกยากขึ้น คือการสร้างความสับสน ความเหนื่อยล้า ความมั่ว เราพยายามให้น้องมีความลังเล ให้ 24 ชั่วโมงนี้เขาถามตัวเองว่าหยุดดีไหม ทำไปทำไม เพราะการทำนวัตกรรม สิ่งที่ท้าทายที่สุดของนวัตกรคือคุณต้อง Second Guest ตัวเอง ซึ่งใน 24 ชั่วโมงนี้ สามอย่างนี้จะเกิดขึ้นพร้อมกัน

พี่เอ็กซ์ : เราเรียงลำดับความสำคัญของมายเซ็ตที่สำคัญๆ แล้วก็ดึงออกมาเป็น 8 เรื่องที่อยากวัดน้องๆ เพราะในงานนวัตกรรมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่มีอะไรเป็นสูตรสำเร็จ ฉะนั้นคนที่จะมาเป็นนวัตกรต้องมีมายเซ็ตหลายอย่าง เช่น Inclusive, Resilience คือไม่ย่อท้อ, มีAssertive, มี Optimist ถ้าทุกคนไม่สามารถเห็นโอกาสในอุปสรรคที่เกิดขึ้นได้ เราก็จะไม่ได้เห็นอะไรใหม่ และสุดท้ายคือไม่หยุดแค่ทำแค่นี้แล้วพอ เราอยากได้คนที่มีมายเซ็ตแบบ Go the extra mile อยากทำให้ดีขึ้น มากขึ้น

พี่ฟิน : เราวัดมายเซ็ต วัดสภาพจิตใจของน้องซึ่งเป็นมายเซ็ตที่ WEDO ตั้งไว้ นอกจากนี้เรามีการทำเซอร์ไพรส์ ซึ่งจริงๆ แล้วการทำเซอร์ไพรส์มันสามารถทดสอบได้หลายอย่าง ไม่ใช่แค่เพิ่มความตื่นเต้นในด้านของอารมณ์ เราจะได้เห็นว่าน้องมีความอดทนหรือสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองไปกับสถานการณ์นั้นได้ยังไงบ้าง เพราะในการทำงานจริงหรือนวัตกรเองทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

Track ที่ 3 ซึ่งเป็นการทำให้การทำงานของน้องๆ ยากขึ้น ทีมงานเตรียมการเซอร์ไพรส์ไว้ให้ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจบกิจกรรม อาทิ การเปลี่ยนกลุ่มกะทันหัน หรือแม้กระทั่งการเพิ่มเซอร์ไพรส์ในตอนท้าย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทดสอบผู้เข้าร่วมจนถึงขีดสุด!

ปาฏิหาริย์แห่งทีมผู้สร้าง เสกงาน 3 เดือนใน 3 วัน

เห็นกิจกรรม Hell Day จัดขึ้นเพียง 24 ชั่วโมงให้น้องๆ เข้ามาทำกิจกรรมมาราธอนกับเซอร์ไพรส์มากมายเช่นนี้ แต่เบื้องหลังการทำงานมีรายละเอียดยิบย่อยมากมายที่ต้องปั้นให้เสร็จทันเวลา ความท้าทายอีกอย่างหนึ่งหลังจากได้คอนเซปต์ Everest (N) Everest มาแล้วจึงเป็นหน้าที่ของพี่เอ็กซ์ และทีมออร์แกไนซ์ที่จะต้องรังสรรค์ให้ได้งานที่เสร็จสมบูรณ์และตรงตามเป้าหมายที่คิดไว้มากที่สุดแม้ว่าจะมีเวลาไม่มากก็ตาม

พี่เอ็กซ์ : ถ้าสำหรับน้องมัน Hell Day ใช่ไหม แต่สำหรับพี่ๆ มันเป็น Hell Month เราใช้เวลาน่าจะประมาณเดือน สองเดือน ถ้าพีคๆ น่าจะเป็นช่วงเดือนสุดท้าย เพราะว่าพี่ๆ แต่ละคนเขามีภาระงานอื่นๆ ที่ต้องดูแล เราใช้ทั้งในเวลางานบางช่วง นอกเวลางานและวันหยุดด้วย บอกเลยว่าเราทำกันเป็น 10 10 ดราฟท์กว่าจะมาถึงแบบออปชั่นสุดท้ายที่ใช้ในวันงาน แต่สุดท้ายเราได้เห็นน้องๆ ทุกคนเต็มที่กับทุกกิจกรรมที่เราดีไซน์ไว้ พี่ก็รู้สึกว่า Hell Month มันคุ้มค่ามากๆ พี่ WEDO ทุกคนมีสปิริตดีมากที่จะเสียสละเวลาพักผ่อนของตัวเองในการที่จะมาทำHell Day ให้ออกมาสมบูรณ์ขนาดนี้

ฟังจากมุมพี่เอ็กซ์ ผู้ดูแลการดีไซน์กิจกรรมและฐานต่างๆ แล้ว มาฟังจากฝั่งออร์แกไนเซอร์ที่มีพี่แนนด์เป็นหัวหน้าทีมดูแลงานทั้งหมดกันบ้าง

พี่แนนด์ : งานในอุดมคติ เราควรจะเตรียมงานสามเดือนล่วงหน้า แต่ความเป็นจริงเราเตรียมงานสามวันเท่านั้น เรารู้อยู่แล้วว่าจะมีงานนี้แต่ด้วยภาระหน้าที่ของทุกคนที่รัดตัว แต่หน้าที่ของเราคือไม่มีคำว่าไม่ได้ มันต้องได้เท่านั้น และทีมก๋อยก็เป็นดรีมทีมถึงเวลาทุกคนรู้หน้าที่ ซึ่งแนนด์จะดูภาพรวมของออแกไนซ์เซอร์หมด

ทีมก๋อย ดรีมทีมประกอบด้วยพี่แนนด์ เป็นผู้นำทีม พี่ทะเล พี่หมวยนี้และพี่ปีย่า แต่ละคนรับภาระงานที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถสร้างสรรค์ผลงานสามเดือนได้ภายในสามวัน โดยเรื่องที่สำคัญของ Hell Day อย่าง อาหารและสถานที่นั้นได้พี่ทะเลเป็นคนจัดการ

พี่ทะเล : งานส่วนสำคัญคือบุคคลภายนอก อาหารและสถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นความท้าทายของทะเลมากที่ SCG ไม่เคยจัดงานที่ไหนครบ 24 ชั่วโมงมาก่อน นี่เป็นงานแรกของเราด้วยเหมือนกัน รีเควสที่ได้รับคืออาหารต้องอร่อย กินได้ไม่ท้องเสีย เพราะเราพาน้องๆ เข้ามาก็ต้องดูแลเขาอย่างดี ประกอบกับความปลอดภัยของ SCG ที่มีมาตรฐาน ทุกอย่างเราให้น้องๆ เต็มที่

นอกจากงานอาร์ตเวิร์ค พร็อพสถานที่และอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถรังสรรค์ได้ในเวลาอันสั้นแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่พี่แนนด์คอยดูแลคือการดูแลเรื่องของสุขภาพความเป็นอยู่ของน้องๆ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลเปาโลและเครื่องดื่มจากสิงห์มาเป็นส่วนหนึ่งของงานครั้งนี้ด้วย

Hell Day แคมป์สุดโหดออนไซต์จากมุมมองรุ่นพี่ YTPGen1

ความโหดหินของ Hell Day ในครั้งนี้ไม่เพียงการันตีด้วยหยาดเหงื่อและคราบน้ำตาของทีมงานเบื้องหลังเท่านั้น แต่ยังมีเสียงของรุ่นพี่ YTPGen1 มายืนยันอีกเสียงด้วยว่าเอเวอร์เรสที่น้องๆ เพิ่งได้ไต่ขึ้นไปจนถึงยอดเขานี้มีความท้าทายและสนุกสนานแตกต่างจากของปีก่อนๆ อยู่เหมือนกัน

พี่เดีย : ในปีของเดียกิจกรรมทุกอย่างจะเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด การแบ่งกลุ่ม การทำ mission ต่างๆ เพราะฉะนั้นเวลาพี่ๆ เขาสลับห้องเปลี่ยนกลุ่ม เวลาจะเป๊ะมาก เราทำยังไม่เสร็จก็โดนแยกเลย ส่วนในปีนี้มีข้อดีตรงที่น้องๆ ได้เจอเพื่อนแบบตัวเป็นๆ สามารถคุยกัน สนิทกันได้เร็วกว่าผ่านหน้าจอ ส่วนกิจกรรม ออนไซต์น่าจะโหดกว่าแน่นอน เพราะมีพี่ๆ คอยจับตามองตลอด 24 ชั่วโมงแล้วมีเปลี่ยนฐานกิจกรรม เปลี่ยนห้องที่น้องๆ ต้องเดินด้วย ต้องใช้พลังงานเยอะกว่า นั่งอยู่หน้าคอม

พี่ฟ้า : ความโหดมันถึง เพราะว่าไม่มีกิจกรรมไหนที่เราต้องอยู่ 24 ชั่วโมง ซึ่งข้อดีของการทำกิจกรรมออนไซต์คือทุกคนได้เจอกันและคุยกันต่อหน้า เราสามารถรับรู้ได้ว่าคนนี้กำลังทำอะไรอยู่ เพราะตอนออนไลน์ถ้าเขาปิดไมค์เราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเค้าคิดหรือว่าทำอะไรอยู่ พออยู่ตรงนี้เราเห็นเขา เราก็รู้สึกว่าทำงานได้ดีขึ้นจากที่คอยสังเกต กิจกรรมออนไซต์มันก็มีเอเนอร์จี้มากขึ้น

แม้เหล่าทีมงานเบื้องหลังจะเจอกับความท้าทายในการเตรียมงาน Hell Day และความเหน็ดเหนื่อยถึงขั้นบางคนไม่ได้นอนก่อนเริ่มงานมา 48 ชั่วโมง++ แต่ภารกิจที่เสร็จสิ้นนี้ก็เป็นเหมือนเครื่องสะท้อนความเก่งฉกาจของทีมเบื้องหลังทุกคนด้วย ซึ่งต่อจากนี้จะเป็นภารกิจใหญ่คือ Hell Weeks ที่น้องๆ จำนวน 50 คนจะได้เข้ามาเรียนรู้จริง เจ็บจริงกับทีม WEDO ซึ่งจะเป็นงานใหญ่ งานช้างที่ทีมงานทุกคนต้องเตรียมการอีกเช่นเคย ความสนุกจะเข้มข้นยิ่งขึ้นเช่นกัน และสำหรับใครที่อยากติดตามกิจกรรมต่อจากนี้ อย่าลืมไปติดตามกันได้ที่

Facebook page: WEDOtheofficial

LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/wedotheofficial

Tiktok: https://www.tiktok.com/@wedotheofficial

.

มาดูกันว่าความโหดสุดๆ ที่น้องๆ ที่ได้เจอใน Hell Day จะสู้ความสู้ชีวิตที่พี่ๆ แต่ละคนได้เจอกันรึเปล่า บอกเลยว่าก่อนจะเริ่มต้น 24 ชั่วโมงแห่งนรกนี้ พี่ๆ บางคนไม่ได้นอนมาก่อน 48 ชั่วโมงแล้วด้วย!

.

📌ติดตามข่าวสารและสาระดี ๆ ได้ที่

Facebook page: WEDO

LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/wedotheofficial

Tiktok: https://www.tiktok.com/@wedotheofficial

.

#WEDO #WEDOYoungTalentProgram2023 #YTP2023

--

--